วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

การจัดสวนดอกไม้


การจัดสวนดอกไม้


          ในการจัดสวนไม้ดอกไม้ประดับให้สวย  อย่างที่เราต้องการอยากให้เป็น พอจัดออกมาแล้วได้อย่างที่ชอบเป็นคำตอบสุดท้ายที่บอกว่าใช่เลย ครั้งนี้เลยลองจัดสวนดอกไม้ดูพอจัดออกมาแล้วสามารถใช้ประโยชน์ได้จริงสวนนี้เป็นเพาเวอร์ไอเดียจากหลายแนวคิดสุดท้ายได้ภาพอย่างที่เห็นได้ความสุขที่หาซื้อไม่ได้ ได้ออกกำลังกายเป็นคุณค่าของความคุ้มค่าบวกกับเห็นแล้วสบายตาสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

การจัดสวนมุมเล็ก ๆ ไว้ในบ้าน
          ให้ลองหามุมใดมุมหนึ่งของบ้าน อาคาร หรือร้านค้า เลือกมุมที่คิดว่าเหมาะสม แล้วลองลงมือจัดสวนเล็ก ๆ กัน ช่วงนี้เป็นช่วงที่ไม้ดอกไม้ประดับมีหลากหลายและสวยงาม เลือกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับที่เราชอบชนิดที่มองแล้วรู้สึกดี มีสีสันสะดุดตา โดดเด่นสักหน่อย เพื่อจัดออกมาแล้ว ทำให้เกิดความสดชื่น หอมกรุ่นด้วยยิ่งดี เช่น กุหลาบ เริ่มต้นจากการคัดเลือกต้นไม้ ได้แก่ ดอกผีเสื้อ ดอกดาวเรือง ดอกเบ็ญจมาศ ดอกฟอร์เก็ตมีน็อต ดอกซัลเวียสีแดง ดอกบานชื่นหนู ดอกแววมยุรา ดอกไข่มุกอันดามัน ดอกสร้อยไก่ คริสมาสแดง ไวท์คริสมาส ไม้แขวนจำพวก ยิปโซฟีน่าดอกเล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มดี เดฟ แพงพวยฝรั่ง พิททูเนีย  จำพวกไม้ประดับ ได้แก่ ขุนแผน หมากผู้หมากเมีย เฟิร์น ไผ่น้ำเต้า สยามออโรร่า ฯลฯ

รูปแบบการจัดสวน สวนสไตล์ต่างๆ 

1. สวนหิน
          ใช้หินตกแต่งเป็นองค์ประกอบหลัก ใช้การตัดกันของสีหิน และกรวด อาจจะมีการปลูกต้นไม้แซมบ้าง และแต่งด้วยรูปปั้นแกะสลัก ใช้หินใหญ่วางแทนภูเขา แล้วใช้กรวดทราย ทำเป็นแนวกระแสน้ำ หรือทำเป็นร่องน้ำแต่งด้วยหินกรวด แบบเซน หรือใช้หลักสมดุลหยินหยาง แต่งด้วยลูกหินกลมพ่นน้ำ

2. สวนบาหลี
          ใช้หลักความสัมพันธ์ของธรรมชาติ เน้นความกลมกลืน มีบ่อน้ำทำให้ร่มเย็น ผ่อนคลาย เหมือนอยู่ในท่ามกลางธรรมชาติ ผสมผสานด้วยศิลปกรรม มีการประดับตกแต่งด้วย รูปปั้นแกะสลัก เทพารักษ์ เทพเจ้า เทพอัปสร รูปยักษ์ รูปสัตว์ต่างๆ และหินศิลาแลง มีการแต่งด้วยต้นไม้ด้วย จุดเด่นจะอยู่ที่รูปแสลักพ่นน้ำ แต่งด้วยไม้น้ำ ไม้เลื้อย ถ้าเป็นไม้ใหญ่ ก็ลีลาวดี

3. สวนอินเดีย
          หรือสวนแขก เน้นการตกแต่งกำแพงสูงตัดเป็นช่อง สีสันสบายตา โทนสีอิฐดินเผา เน้นความเรียบง่าย ใช้ลวดลายจากการเรียงตัดลายกันของอิฐ





4. สวนญี่ปุ่น
          จะมีการแต่งด้วยหิน กรวด และตะเกียงหิน หรือโคมไฟหิน จะผสมผสานธรรมชาติด้วยการปลูกต้นไผ่ ต้นราชพฤกษ์ ต้นตะแบก ต้นนางพญาเสือโคร่ง หรือไม้พุ่ม แต่งด้วยตุ๊กตารูปสัตว์มงคล เช่น เต่า สิงห์ หรือ ทำเป็นบ่อน้ำ เล็กใหญ่แล้วแต่ ถ้าเป็นบ่อน้ำใหญ่ มักจะมีสะพานหินทำเป็นทางข้าม ส่วนใหญ่จะจะในพื้นที่โล่ง เน้นโทนสีสันของการตัดกันระหว่างหินและต้นไม้ เน้นความเรียบง่าย

5. สวนน้ำพุ หรือสวนยุโรป
          เน้นรูปทรงเรขาคณิต จัดสวนแบบสมมาตร พื้นที่ซ้ายขวาเท่ากัน มีน้ำพุตรงกลาง ปลูกไม้ดอกรอบๆ เน้นความเป็นระเบียบ แต่ต้องการความโอ่โถงหรูหรา

6. สวนไทย หรือสวนเมืองร้อน
          เน้นความอบอุ่นชุ่มชื้น เขียวชอุ่ม ด้วยนานาพันธุ์ไม้ ทั้งไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ดัด และไม้ยืนต้น แต่งสไตล์ป่าร้อนชื้น อาจจะมีบ่อน้ำเล็กๆ ส่วนใหญ่จะไม่ทำเป็นทางน้ำไหล มีการแต่งด้วยโอ่งหลากหลายขนาด หรือเครื่องปั้นดินเผาต่างๆ

7. สวนน้ำตก
          เน้นความร่มรื่น เย็นสบาย มีเสียงน้ำไหล เหมาะสำหรับเลี้ยงปลาคร๊าฟ ปลูกพืชพวกใบเฟริน์ มอส





          การจัดสวนถาด คือการนำพันธุ์ไม้ที่ชอบแสงแดดอ่อนๆ หรือไม้ในร่มที่ถูกเพาะเลี้ยงให้เป็นพันธุ์แคระมาจัดเป็นสวนขนาดจิ๋วลงในถาดขนาดพอเหมาะกับพื้นที่หรือบริเวณที่เราต้องการนำไปวางประดับ ตกแต่งในอาคาร หรือโต๊ะทำงาน ต้นไม้ที่ได้รับความนิยมนั้นพอจัดกลุ่มได้เป็น พันธุ์ไม้มงคลและพันธุ์ไม้ทะเลทราย (แคคตัส) วิธีการจัดนั้นไม่ได้ซับซ้อนเกินกำลังความสามารถใดๆ ขอเพียงแต่เราจำเป็นต้อง ทราบธรรมชาติของต้นไม้ที่จะนำมาใช้ก่อน แล้วอาศัยความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคน ทั้งการเลือกใช้พันธุ์ไม้และวัสดุตกแต่งซึ่งสามารถหาซื้อได้ในท้องตลาด หากใครชอบและพอมีเวลาก็สามารถพัฒนาฝีมือ ของตัวเองเพื่อทำเป็นงานเสริมสร้างเงินได้อีกทางหนึ่ง


จัดสวนดอกไม้ในบ้าน 








           การจัดสวนในบ้าน หลายคนยึดติดกับรูปสี่เหลียมของที่ดินมากเกินไป เมื่อจัดการปูสนามหญ้าเสร็จ เอามะม่วงลงตรงมุมบ้านหนึ่งต้น เสร็จแล้วก็ตกม้าตาย ไม่รู้จะทำอะไรต่อลองมาลืมมุมเหลี่ยมของบ้าน จัดทำเทอเรซหรือทางเดินรูปคดโค้งให้สมส่วนกับพื้นที่ ตรงมุมที่เป็นพื้นที่เหลือระหว่างมุมเหลี่ยมของที่ดินกับเทอเรซหรือทางเดินนั้น จะเป็นที่ว่างสำหรับจัดต้นไม้ใหญ่น้อย สระน้ำ หรือองค์ประกอบอื่นๆในการจัดสวนได้อย่างเหมาะสม





         ส่วนในบ้านที่มีพื้นที่แคบ ให้ลืมสนามหญ้าไปได้เลย เพราะเรื้อที่แคบหญ้าจะมีโอกาสโดนแดดน้อย เนื่องจากเงาของสิ่งก่อสร้างมาบดบัง ทำให้ปลูกหญ้าให้เรียบเขียว สวย ได้ยาก ทางเดินใช้วิธีโรยกรวดหรือเทอเรซอย่างที่ว่า จะช่วยทดแทนสนามหญ้าได้เช่นกัน
การจัดสวนให้สอดคล้องกับสถานที่

         แบบสวนสี่แบบในลักษณะที่แตกต่างกันไป มีทั้งสวนใต้บันได สวนแบบเรขาคณิต(Formal) หรือสวนที่จัดอย่างเป็นระเบียบ สวนในเนื้อที่แคบยาวข้างบ้าน และสุดท้ายคือ สวนน้ำ ซึ่งใช้ไม้เมืองร้อนเป็นหลัก เราไม่ได้กำหนดขนาดพื้นที่แน่ชัดนัก เนื่องจากต้องการให้คุณนำไปดัดแปลงใช้กับเนื้อที่คล้าย ๆ กับแบบสวนเหล่านี้ได้







1.  สวนใต้บันได
           เนื้อที่ว่างใต้บันได หากไม่ดัดแปลงเป็นตู้เก็บของ มีบานประตูปิด ส่วนนั้นก็จะกลายเป็นมุมรกไปภายในเวลาไม่นาน เพราะจะมีของเหลือใช้มาวางสะสมทีละชิ้นสองชิ้น ลองมาเปลี่ยนเป็นสวนคงดูดี กั้นขอบไม้สี่ด้านสูงพอสมควร ขอบด้านหน้าใช้ไม้ไผ่ตัดขนาดสูงเกินขอบไม้เล็กน้อย ส่วนด้านติดผนังใช้ไม้ไผ่หลายขนาดสูงบ้าง ต่ำบ้าง ตีติดขอบไม้ด้านใน ใส่ทรายลงเกือบถึงขอบกระบะ เรียงหินก้อนใหญ่สัก 3-4 ก้อน ข้างหลังจัดวางรางน้ำไม้ไผ่ ด้านหน้าวางอ่างหินทราย ภายในใส่กรวดขาวสะอาด แทนความหมายถึงน้ำ เพราะถ้าใช้น้ำจริงจะกลายเป็นที่เพาะพันธ์ยุง ด้านซ้ายจัดหินก้อนวางไว้เป็นกลุ่มเล็ก หาแผ่นหินสกัดรูปกลมสมมติทำเป็นทางเดินเล็ก ๆ จะน่าดูดี จากนั้นโรยกรวดทับพื้นทรายให้ทั่ว







 2.  สวนจัดระเบียบหรือสวนทรงเรขาคณิต(Formal)
          เป็นสวนที่เหมาะกับบ้านทรงยุโรปหรือโรมันประยุกต์ หรือสถานที่ราชการ ที่ทำงาน ซึ่งต้องการสวนที่มีความเป็นระเบียบ
          สวนแบบเรขาคณิตนี้จะช่วยเน้นให้อาคารหรือบ้านดูสง่างามขึ้น ต้นไม้ที่ใช้ในสวนแบบนี้มักมีทรวดทรงคงที่ ไม่ดูระเกะระกะ หรือต้องตัดแต่งให้มีรูปฟอร์มแบบเราขาคณิต สวนแบบนี้ดูคล้ายการเล่นลวดลายด้วยต้นไม้ กรวด หิน หรืออิฐ ซึ่งควรจัดลวดลายให้มีความสมดุลตัวอย่างสวนที่นำมาให้ดูนี้ ใช้ไม้ใหญ่คือ ตีนเป็ดฝรั่ง สนมังกร ไม้พุ่มคือ ทรงบาดาล ทั้ง 3 ชนิดนี้มีทรงสวยคงที่ ไม่ต้องตัดแต่งมาก ส่วนนอกนั้นคือไม้จำพวกที่ต้องตัดแต่งให้เป็นทรง เช่น ขาดัด เทียนทอง เข็มแดง ฟ้าประดิษฐ์ สำหรับซุ้มควรทำเป็นทรงโค้ง มีความสูงพอเดินผ่านได้สะดวก ปลูกสายน้ำผึ้งซึ่งจะให้ร่มเงาและให้กลิ่นหอมด้วย บริเวณรอบน้ำพุปลูกไม้ต่าง ๆ เล่นสีสลับกัน พื้นที่นอกจากลานอิฐแดงแล้ว ให้ปูหญ้าทั้งหมด







3.  สวนข้างบ้าน
          สวนนี้มีลักษณะแคบยาว เพราะเป็นเนื้อที่ซึ่งจะพบได้ในบ้านจัดสรรทั่วไป มักค่อนข้างมีร่มเงา เพราะอยู่ระหว่างตัวตึกขนาบสองข้าง แต่ช่วงใกล้เที่ยงถึงบ่ายจะได้รับแสงมากพอควร
ช่วงด้านหน้ามักเป็นส่วนที่ได้รับแสงเพียงพอ เพราะไม่มีร่มเงาบดบัง จัดวางอ่างบัวได้ 3 อ่าง ปลูกชบาสีชมพู ขาว สลับกันเป็นฉากหลัง มุมด้านหน้าปลูกแก้ว 1 ต้น และปลูกการะเกดสีเหลืองคลุมเป็นแนวข้างรั้ว ข้างอ่างบัวปลูกเฟิร์นใบมะขาม ทางเดินใช้แผ่นหินทรายแดงทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางเป็นแนวตามแบบ ด้านซ้ายของทางเดินปลูกโมก 4 ต้น โคนต้นปลูกกอขิงแดงกับข่าด่างสลับกัน(สำหรับโมกจะตัดเป็นทรงพุ่มก็ได้ถ่าชอบ ทั้งนี้ควรตัดแต่งแก้ให้เข้ากันด้วย) ส่วนด้านขวาปลูกเดหลีเป็นแนวโค้ง เกือบเต็มพื้นที่ สุดทางเดินทำเป็นศาลาหลังคาโปร่ง ปลูกสร้อยอินทนิลเป็นร่มเงารอบ ๆ ศาลาเว้นที่ว่างไว้สำหรับเป็นทางเดิน พื้นที่ที่เหลือโรยกรวด




4.  สวนน้ำ
          สวนชนิดนี้ค่อนข้างเหมาะกับบ้านเมืองร้อนอย่างเรา เพราะมีบรรยากาศของน้ำช่วยคลายร้อน ต้นไม้เกือบทั้งหมดเป็นไม้น้ำและไม้เมืองร้อน  สระน้ำควรขุดให้มีรูปร่างแบบอิสระจะแลดูเป็นธรรมชาติ ช่วงกลางค่อนข้างแคบ เหมาะกับการทำสะพานทางเดิน สำหรับไม้น้ำที่ปลูกในสระควรใส่อ่าง เพื่อจำกัดขอบเขตไม่ให้ดูรกเกินไปในอนาคต อ่างปลูกคล้าน้ำและกกอียิปต์แคระ ควรมีขนาดใหญ่เล็กไล่เรียงตามลำดับ ส่วนอ่างปลูกกกอียิปต์ ซึ่งมีกอใหญ่ ควรใช้ถังซีเมนต์สำเร็จ อ่างบัวเลือกตามชอบ อยากให้ใช้บัวสีชมพู เพราะสีจะเด่นและไม่ซ้ำกับไม้ดอกอื่น ๆ   ไม้ใหญ่ คือ มะขามป้อม ให้ปลูกตามจุดที่กำหนด จะได้ไม่กีดขวางทางเดินและสะพานข้าม แต่ให้ร่มเงาได้   ไม้พุ่ม คือ โมก ให้ปลูกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 ต้นใกล้ ๆ กัน จัดหินก้อนประดับตามขอบสระ และปลูกหลิวแทรกตามหินและขอบสระ มุมปลูกหลิว จัดให้ปลูกตรงขอบสระอีกสักด้านหนึ่งด้วย และหินประดับบางส่วนก็ไม่ต้องปลูกต้นไม้แทรกก็ได้ เช่น บริเวณใกล้สะพาน และบางจุดตามแบบ ไม้นอกจากนี้ก็มี พลับพลึง พุทธรักษา ดอกสีปูนหรือสีส้ม เดหลี ขิงแดง พวกนี้ปลูกเป็นกลุ่มกอ และสุดท้าย คือ กระดุม ทองเลื้อย ปลูกคลุมดินขอบบ่อใกล้ ๆ กกอียิปต์

การจัดสวนในรูปแบบการจัดสวนด้วยข่อย





          เดี๋ยวนี้เรื่องสวนเรื่องต้นไม้เป็นที่นิยมและกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตไปค่อนข้างจะมากแล้วบ้านเราเมืองเราจะได้สดสวย ทำให้เราสดชื่น ทำให้อายุยืนขึ้นอีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามเรื่องราวแต่ละเรื่องย่อมมีเนื้อหาและปัญหาเป็นเฉพาะอย่าง เรื่องสวนก็มีปัญหาเกี่ยวกับรูปแบบการปลูกต้นไม้ การบำรุงรักษา นั่นก็เป็นเพราะกระบวนการจัดสวน ปลูกต้นไม้ประดับประดานั้น เพิ่งตื่นตัวกันในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมานี้ ความรู้จริงก็ยังไม่เกิด ตำราตำรับก็ยังไม่แพร่หลายนัก ปัจจุบันตำราเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดสวนที่อยู่ในเกณฑ์ดีมีไม่ถึง 5 เล่มด้วยซ้ำ ดังนั้นเราก็อยู่ในภาวะที่ “ไม่รู้” อยู่อีกมาก
ปัญหาเกี่ยวกับการออกแบบสวน เอาเฉพาะแค่ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เล็งเห็นมานานแล้วว่าเป็นที่นิยมกันนักหนา ต้นไม้ที่ว่าก็คือ “ข่อย” หรือที่เรียกว่า “ข่อยช่อ” เป็นไม้โบราณที่บรรพบุรุษเราเอาไปทำยา ไปทำกระดาษข่อย จนเรารู้จัก “สมุด” โบราณที่เรียกว่า สมุดข่อย ปัจจุบันข่อยช่อเป็นที่นิยมมาก เพราะช่อกลมของมันดูมีเสน่ห์ น่ารัก คนก็เลยชอบ
          ปัญหาแรกของข่อยก็คือ ผู้ทำข่อยช่อ(เป็นไม้ดัดชนิดหนึ่ง) หลายคนขาดความรู้ความเข้าใจในเชิงศิลปะ เลี้ยงเป็น ดัดช่อเป็น แค่นั้นก็ทำออกขาย ความงามของข่อยช่อย่อมอยู่ที่ 3 ประการคือ
          -     ขนาดและความสูงของลำต้น
          -     ขนาดและจำนวนช่อ
          -     การจัดจังหวะตำแหน่งของช่อ
          สามประการดังกล่าว มีผลต่อความงามทั้งสิ้น หากไม่รู้หลักในการทำแล้วไม้ดัดอย่างหนึ่งของเราก็กลายโฉมไปเสียหมดเห็นแล้วก็เสียดาย แต่ก็รู้กระบวนการทำ รู้ว่าอย่างไหนสวยไม่สวย รักจะทำเป็นอาชีพ ก็ช่วยกันขวนขวายหาตำราที่เชื่อถือได้มาดูมาศึกษารูปแบบกัน ศิลปะไม้ดัดของเราจะได้ไม่สูญหาย หรืออย่าทำให้วิญญาณบรรพบุรุษเราต้องผิดหวังกับความไม่รู้กับรูปแบบของศิลปะจอมปลอม




          มีวิธีการอย่างไรที่จะนำข่อยมาปลูกมาจัดกลุ่มให้ดูสวยงามไม่ว่าจะวางเดี่ยว หรือวางกับต้นไม้ และองค์ประกอบอื่น ขอบอกเสียเลยว่าการนำข่อยมาปลูกแล้วนำไม้คลุมดินมาปลูกล้อมโคนต้นเป็นวงกลมนั้นเป็นรูปแบบที่อัปลักษณ์ไร้ซึ่งความงามที่สุด ไม่ว่าจะซื้อมาทำเอง หรือนำไปจัดสวนให้เขา อยากจะเป็นนักจัดสวนจะต้องมีวิญญาณของศิลปินหน่อย รู้ว่าอย่างไหนสวย ไม่สวย เหมาะไม่เหมาะ ไม่รู้แล้วทำอันตรายที่สุด    เพื่อความกระจ่าง ก็ต้องอธิบายว่าการปลูกไม้คลุมดินล้อมโคนต้นข่อยเป็นวงกลมนั้นมันน่าเกลียดตรงที่ว่าการปลูกไม้ล้อมรูปวงกลมนั้นจะให้ความรู้สึกที่หยุดนิ่ง เน้นขอบเขตให้จบอยู่ตรงนั้น ข่อยที่ดัดรูปทรงกลมนิ่งอยู่แล้วจะยิ่งแข็งกระด้างกลายเป็น “ตอ” ที่โด่เด่อยู่บนพื้นดิน การกำหนดรูปวงกลมนั้นนอกจากจะหยุดและจบอยู่ตรงนั้นแล้ว ยังนำองค์ประกอบอื่น ต้นไม้อื่นมาประกอบได้ยากที่สุด เพราะไม่สามารถเชื่อมให้ประสานกันได้ ตามหลักทางศิลปะแล้ว จุดกลมวงกลมนั้นคือจุดเริ่มต้นหรือจุดหยุดขององค์ประกอบ ลองนึกถึงจุด FULL STOP เวลาเขียนหนังสือ นึกถึงหัวแหวนรูปทรงกลม นึกถึงหัวเข็มหมุด นึกถึงป้ายจราจรที่ทำเป็นแผ่นวงกลม ซึ่งจะดึงความรู้สึกเราให้ไปสนใจและจบอยู่ที่ป้ายนั้น ฯลฯ
การจัดวางข่อยให้เป็นไม้ประดับในสวนให้เกิดความสวยงามอย่างแท้จริง ต้องออกตัวตามเคยว่า เรื่องราวและรูปแบบต่างๆที่จะนำเสนอนี้มิใช่ตำราหรือกฎเกณฑ์ที่จะต้องทำตาม เป็นเพียงตัวอย่างการเสนอแนะที่เชื่อว่าดีกว่าที่เป็นอยู่ แล้วก็เป็นข้อเสนอแนะที่มั่นใจว่ามีภูมิรู้อยู่บ้าง



จะพูดเรื่องข่อยคงต้องรู้จักข่อยกันก่อนพอสังเขป ดังนี้
ข่อยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Streblus asper มีชื่อสามัญว่า Siamese rough bush ซึ่งจะเห็นว่าอ้างอิงถึงแดนสยามของเราเลยทีเดียว ข่อยเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีเปลือกค่อนข้างขาว ลอกออกเป็นแผ่นผืนได้ง่าย อยู่ในวงศ์ Moraceae ใบเขียวแก่หนาขอบใบหยัก มีขนใบสาก ชอบแดดร้อนจัด แต่ก็สามารถขึ้นได้ในที่รำไร ข่อยใช้เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง แก้โรคฟัน และนำมาหุงกลั่นเป็นน้ำมันแก้ริดสีดวง เปลือกข่อยนำมาทุบย่อยสลาย นำมาทำกระดาษ เรียกว่า กระดาษข่อย ปัจจุบันก็ยังมีการทำกันอยู่เป็นอุตสาหกรรมพื้นบ้าน ในประเทศอินเดียนิยมนำกิ่งสดมาถูฟันช่วยให้ฟันทน ในพม่านำมาสับผสมทำบุหรี่ สำหรับคนไทยเรานิยมนำใบข่อยมาขัดไม้ขัดงาช้าง
ข่อยเป็นไม้ที่ขึ้นง่าย และมีอัตราการทดแทนใบใหม่รวดเร็ว นำตอนำลำต้นมาปักชำเลี้ยงช่อใบใหม่ได้ นิยมทำเป็นไม้ดัดช่อ เพราะกิ่งแข็งแรง ใบแน่นเล็กละเอียด การตัดแต่งพุ่มใบบ่อยๆจะทำให้ช่อใบเป็นพุ่มกลมแน่นสวยงาม ประกอบกับลำต้นขาวสะอาด ผิวค่อนข้างเรียบ จึงใช้เป็นไม้ดัดที่ให้ระบบระเบียบได้ดี จึงนิยมกันมาก การใช้ข่อยเป็นไม้แต่งสวนในปัจจุบันนั้นมักใช้ข่อยดัดช่อมากกว่าข่อยธรรมชาติ ดังนั้น การใช้ข่อยให้เกิดความงามจึงขึ้นอยู่กับรูปทรงและช่อของข่อยนั้นๆ กับการจัดวางข่อยกับองค์ประกอบและหรือต้นไม้อื่นๆ
          หลายครั้งเรารู้สึกว่าการตัดแต่งข่อยมีคติมาจากไม้ดัดไทยโบราณ จึงนิยมปลูกในกระถาง โอ่งขนาดใหญ่ เพื่อดัดกิ่งก้านและเลี้ยงช่อ แต่ละต้นจึงเป็นเอกเทศ เมื่อนำมาจัดสวนในปัจจุบัน จึงนำมาปลูกโดดๆ หรือวางประดับทั้งกระถาง เนื่องจากข่อยมีรูปทรงและช่อใบประณีตเป็นระเบียบข่อยจึงเหมาะกับสวนแบบวิสามัญที่เป็นระบบระเบียบ เช่น เรือนไทย บ้านโรมัน-กรีก เป็นต้น การนำข่อยมาปลูกโดดๆ หรือเป็นกลุ่มบนสนามสามารถทำได้ดีและดูสวยงาม ไม่จำเป็นต้องมีไม้อื่นๆมาประกอบ โดยเฉพาะการนำไม้คลุมดินมาปลูกล้อมโคนต้น ถ้าจำเป็นหรืออยากทำให้ล้อมโคนแบบธรรมชาติ ไม่ต้องตัดแต่ง หรือเน้นให้เป็นวงกลม ถ้าจำเป็นควรกำหนดเป็นรูปวงรี หรือกระจายแบบธรรมชาติจะดีกว่า อาจใช้ไม้คลุมดินมากกว่าหนึ่งชนิด จะทำให้ดูมีการออกแบบมากกว่า
          ข่อยไม่เหมาะกับการจัดสวนป่าแบบธรรมชาติ แต่จะเหมาะกับสวนที่เน้นเนื้อหาเรื่องราวเป็นกลุ่มก้อน เป็นแถวแนว สามารถใช้ได้กับกรวด หิน ไม้คลุมดิน ไม้พุ่มที่มีใบเล็กละเอียด เช่น เข็มญี่ปุ่น(เข็มเศรษฐ๊เชียงใหม่ เข็มเศรษฐีบางบำหรุ) การใช้ข่อยกับสวนที่ใช้แนวความคิดแบบสวนญี่ปุ่นก็ดูจะเหมาะมาก โดยเฉพาะนำมาประกอบกับก้อนหินที่วางในแนวตั้ง โดยข่อยจะกลายเป็นจุดเด่นหรือประธานของกลุ่ม ในขณะที่หินและไม้พุ่มอื่นๆ จะเป็นองค์ประกอบรองให้เกิดเนื้อหาและความสมบูรณ์ในการจัดองค์ประกอบตามหลักศิลปะ





ไม่จำเป็นต้องปลูกข่อยให้เป็นจุดเด่นเพียงต้นเดียว แต่สามารถใช้ข่อย 2-3 ต้น มารวมกลุ่มกันให้เกิดเป็นจุดเด่นได้โดยเน้นความสูงไล่ระดับกันเน้นช่อใบที่รับกัน(ไม่เบียดหรือแออัดอยู่ในบริเวณเดียวกัน) เมื่อนำหินและไม้พุ่มไม้คลุมดินเข้าไปแล้วจะทำให้ข่อยมีความเด่นขึ้นมาทั้งกลุ่ม จนเรียกว่าเป็น “สวนข่อย” ก็ยังได้
          การใช้ข่อยเพียงต้นเดียวก็สามารถทำได้ แต่จำเป็นจะต้องเน้นข่อยต้นใหญ่และสูง มีช่อใบกลมแน่นได้จังหวะข่อยช่อที่ดัดให้เกิดลีลาของก้านและช่อใบแบบลีลาของต้นไม้ธรรมชาตินั้น น่าจะมีคุณลักษณะที่ดีกว่าข่อยที่ทำช่อเสมอรอบต้น หรือเลี้ยงกิ่งยื่นยาวออกมา มีช่อใบตรงปลาย เพราะข่อยลีลาธรรมชาตินั้นจะใช้ได้ง่ายกว่า ในขณะข่อยแบบอื่นจะต้องพิจารณาหรือออกแบบให้เหมาะ เช่น ต้องใช้หลายต้นมาเรียงแถวหรือจับกลุ่มกัน ข่อยที่ดัดช่อเป็นเหมือนบริวารอยู่รอบต้น และชะลูดแหลมขึ้นไปเหมือนภูเขานั้น อาจจะมีความงามในแง่ของการนำไปโชว์หรือปลูกในกระถางเพียงต้นเดียว เพราะรูปร่างสามเหลี่ยมนั้นจะให้ความรู้สึกสงบมั่นคง ข่อยในลักษณะนั้นควรจะปลูกต้นเดียว หรือวางขนาบประตู หน้ามุข ทางเข้าใดๆ ซึ่งมักจะรวมถึงข่อยในรูปทรงอื่นๆด้วย และหลายๆ ครั้ง การใช้ข่อยประเภทนี้ปลูกลงกระถางเคลือบลายครามสวย ๆ วางประดับขนาบประตูหรือหน้ามุขก็ทำได้ดี และดูมีค่ากว่าปลูกลงดินเฉย ๆ
          ลักษณะการปลูกที่ไม่ควรทำที่เห็นได้ชัดก็คือ การปลูกข่อยรายเรียงไปตามทางเดิน ถนนภายในและภายนอกอาคาร หรือปลูกข่อยกระจายไปในสนาม ที่เป็นดังนี้ก็เพราะข่อยเป็นไม้ที่มีความงามโดดเด่นในตัวเอง มิใช่ไม้ที่จะต้องนำมาวางซ้ำๆกัน ทำให้ช่อข่อยหมดความหมาย การวางข่อยในลักษณะดังกล่าว ถือเป็นการลงทุนที่ผิดวิธี และทำลายความงามของตัวมันเองโดยสิ้นเชิง
การปลูกข่อยต้นเดียวโดดๆ ก็ยังไม่เหมาะสมกับสวนที่เป็นแบบธรรมชาติหรือแบบเป็นระเบียบ โดยไม่มีองค์ประกอบอื่นใดมาประกอบ ขณะเดียวกัน การปลูกไม้ล้อมโคนข่อยก็ถือเป็นความน่าเกลียดอย่างร้ายกาจดังที่กล่าวมาแล้ว
          การปลูกข่อยกับสวนแบบธรรมชาติก็พอจะทำได้ โดยสวนนั้นควรเป็นสวนกึ่งธรรมชาติ และควรเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับตัวอาคาร เพราะตัวอาคารเป็นสิ่งก่อสร้าง สวนที่ประกอบควรจะเกี่ยวเนื่องกับอาคารนั้นๆ รูปแบบของสวนจึงจำต้องตัดแต่งทรงพุ่มให้เด่นชัด แต่ยังคงลักษณะอย่างธรรมชาติไว้
ข่อยเป็นไม้ดัดที่มีราคาแพง แต่ก็ยังถูกกว่าตะโกในลักษณะเดียวกัน ข่อยช่อสามารถเลี้ยงตัดแต่งช่อให้เป็นพุ่มกลมได้ง่ายและสะดวกกว่าตะโกซึ่งมีใบใหญ่กว่า ทำให้ข่อยมีศักยภาพในการจัดสวนปัจจุบันค่อนข้างมาก จึงอยู่ที่การออกแบบและนำข่อยไปใช้ไปจัดวางให้ถูกต้อง แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยาก หากเรามีหลักหรือแนวทางตามเนื้อหาคงจะทำให้เลือกใช้และจัดวางข่อยในงานจัดสวนได้ง่ายและมีหลักการมากขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น